สวัสดีค่ะ
วันนี้จะมาแนะนำหนังเรื่องใหม่ของ Studio Ghibli
ซึ่งได้เปิดตัว และเข้าโรงฉายไปแล้วในญี่ปุ่น
ตั้งแต่วันที่ 20 กค 2013 ที่ผ่านมา
สำหรับคนที่เป็นแฟนหนังของจิบลิ
ยังไงคงจะต้องติดตามความคืบหน้า
ในผลงานของ มิยาซากิ ฮายาโอะ วัย 72 ปี
คนนี้กันอยู่แล้วใช่มั้ยคะ
แต่ก็จะขอกล่าวถึงคร่าวๆ นิดนึงนะคะ
เรื่องนี้เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงในเรื่องความฝันและความรัก
ของนักวิศวกรหนุ่ม โฮริโกชิ จิโระ
ผู้ออกแบบเครื่องบินรบ Mitsubishi A6M Zero ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ซึ่่งนำมาจากเรื่องราวชีวประวัติที่นักเขียน เท็ตซึโอะ โฮริ
เป็นผู้ถ่ายทอดอีกทีหนึ่ง
หนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นภาพถึงความโหดร้ายของสงคราม
แต่เน้นความฝันที่จะเป็นผู้สร้างเครื่องบิน และเรื่องราวความรักของตัวเอกเป็นหลัก
แต่ยังไงเครื่องบินที่ถูกออกแบบมานี้ ก็ถูกนำไปใช้ในสงคราม
เรื่องนี้แล้วแต่คนดูว่าจะคิดยังไงค่ะ
เค้าว่าเศร้าจนมิยาซากิดูหนังของตัวเอง
ยังพูดออกมาเลยว่าเป็นเรื่องที่เค้าสร้างเอง ดูแล้วร้องไห้เป็นครั้งแรก
ประเด็นเนื้อเรื่องของหนัง ผู้อ่านสามารถหาอ่านได้ทั่วไป
แต่ที่ Blog เราต้องการบอกเล่าคือความหมายของภาษา
และสิ่งที่แฝงอยู่ในนั้นค่ะ
ทีนี้เรามาเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น
และความหมายจากชื่อเรื่องนี้กันค่ะ
หลายๆ คนอาจจะสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงชื่อว่า 風立ちぬ
เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะคะ
ก่อนอื่นมาสังเกตคำศัพท์และความหมายในโปสเตอร์หนังกันค่ะ
อย่างที่บอกไปแล้วว่ามิยาซากิได้ข้อมูลของหนังเรื่องนี้
จากคนสองคน ก็คือ
วิศวกรหนุ่มผู้สร้างเครื่องบิน โฮริโกชิ จิโระ 堀越二郎
ฉะนั้นในโปสเตอร์ทุกใบ จึงมีคำกล่าวยกย่องและเคารพบุคคลสองท่านนี้
และเห็นประโยคอีกข้างที่เขียนว่า
いざ生きめやも ว่าจะสื่อถึงอะไร
堀越二郎と堀辰雄に敬意を表して
敬意 (けいい)ความเคารพ
表す(あらわす)express,show
ex. 先生に敬意を表す。แสดงความเคารพต่ออาจารย์
และเห็นประโยคอีกข้างที่เขียนว่า
いざ生きめやも ว่าจะสื่อถึงอะไร
เพราะจริงๆ ตรงนี้มาจากประโยคเต็มๆที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้ก็คือ
風立ちぬ、いざ生きめやも
ภาษาฝรั่งเศส : Le vent se lève, il faut tenter de vivre
ภาษาอังกฤษ: The wind is rising, you should try to live
ประมาณว่า "ลมพัดมาแล้ว คุณควรจะพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป"
ซึ่งจริงๆ ถ้าจะให้แปลเป็นญี่ปุ่นที่ตรงกับบทกวีนี้ก็ควรจะเป็น
風が起きた、生きることを試みねばならない
เพราะมันให้ความรู้สึกมุ่งมั่นว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อให้ได้
ซึ่งอ้างมากจากบทประพันธ์กวีตอนหนึ่งของ Le cimetière marin
ที่ Paul Valéry ซึ่งเป็นนักกวี นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสเป็นผู้แต่งไว้
แต่ในที่นี้ส่วนของ โฮริ เท็ตซึโอะ ที่แปลไว้ว่า
風立ちぬ、いざ生きめやも
ภาษาค่อนข้างโบราณนะคะ
แต่เพื่อความรู้เราลองมาวิเคราะห์กันดูนะคะ
風立つ:風が出てきた。風が吹き始めた。ลมพัดมาแล้ว
และตรงนี้ไม่ใช่อารมณ์ของลมที่พัดผ่านมาแค่วูบเดียวแล้วหายไปนะคะ
เพราะคำว่า 立つ (たつ)เป็นความหมายของการเกิดขึ้นที่ทำให้รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
เช่นการที่ลมพัดมานี้ทำให้รู้สึกได้ถึงฤดูที่เปลี่ยนจากหน้าหนาวเป็นฤดูใบไม้ผลิ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ
秋風(あきかぜ)が立つ
(「秋」を「飽き」にかけて)男女間の愛情がさめる。ความรักของชายหญิงที่เริ่มจะจืดจาง
เพราะคำว่า 秋(ฤดูใบไม้ผลิ) กับ 飽き( เบื่อหน่าย) ออกเสียงเหมือนกันว่า あき
เป็นสิ่งที่โคลงกลอนโบราณ(和歌)ของญี่ปุ่นชอบนำไปแต่งเปรียบเทียบค่ะ
แต่ก็เอาไปใช้พูดเป็นคำเปรียบเทียบได้เหมือนกันนะคะ
ถ้าแต่งประโยคก็จะได้ว่า
เริ่มออกนอกเรื่องแล้ว กลับเข้ามาใหม่ดีกว่านะคะ
風立ちぬ
(風立)ぬ:完了・強意の助動詞終止形
ぬ เป็นกริยานุเคราะห์ไว้ลงท้ายประโยคให้เห็นถึงความหนักแน่น การสิ้นสุด จบสิ้น
ส่วนคำว่า いざ生きめやも
いざ:さあ、いよいよだประมาณว่า "เอาล่ะ"
風立ちぬ、いざ生きめやも
ภาษาฝรั่งเศส : Le vent se lève, il faut tenter de vivre
ภาษาอังกฤษ: The wind is rising, you should try to live
ประมาณว่า "ลมพัดมาแล้ว คุณควรจะพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป"
ซึ่งจริงๆ ถ้าจะให้แปลเป็นญี่ปุ่นที่ตรงกับบทกวีนี้ก็ควรจะเป็น
風が起きた、生きることを試みねばならない
เพราะมันให้ความรู้สึกมุ่งมั่นว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อให้ได้
ซึ่งอ้างมากจากบทประพันธ์กวีตอนหนึ่งของ Le cimetière marin
ที่ Paul Valéry ซึ่งเป็นนักกวี นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสเป็นผู้แต่งไว้
風立ちぬ、いざ生きめやも
ภาษาค่อนข้างโบราณนะคะ
แต่เพื่อความรู้เราลองมาวิเคราะห์กันดูนะคะ
風立つ:風が出てきた。風が吹き始めた。ลมพัดมาแล้ว
และตรงนี้ไม่ใช่อารมณ์ของลมที่พัดผ่านมาแค่วูบเดียวแล้วหายไปนะคะ
เพราะคำว่า 立つ (たつ)เป็นความหมายของการเกิดขึ้นที่ทำให้รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
เช่นการที่ลมพัดมานี้ทำให้รู้สึกได้ถึงฤดูที่เปลี่ยนจากหน้าหนาวเป็นฤดูใบไม้ผลิ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ
秋風(あきかぜ)が立つ
ความหมายแบ่งเป็นสองแบบ
秋風が吹き始める。 An autumn wind blows ลมฤดูใบไม้ผลิได้เริ่มพัดมาแล้ว(「秋」を「飽き」にかけて)男女間の愛情がさめる。ความรักของชายหญิงที่เริ่มจะจืดจาง
เพราะคำว่า 秋(ฤดูใบไม้ผลิ) กับ 飽き( เบื่อหน่าย) ออกเสียงเหมือนกันว่า あき
เป็นสิ่งที่โคลงกลอนโบราณ(和歌)ของญี่ปุ่นชอบนำไปแต่งเปรียบเทียบค่ะ
แต่ก็เอาไปใช้พูดเป็นคำเปรียบเทียบได้เหมือนกันนะคะ
ถ้าแต่งประโยคก็จะได้ว่า
彼らの間に秋風が立ち始めた。
ความรู้สึกของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว
(ความรักของพวกเขาเริ่มลดน้อยลง)
เริ่มออกนอกเรื่องแล้ว กลับเข้ามาใหม่ดีกว่านะคะ
風立ちぬ
(風立)ぬ:完了・強意の助動詞終止形
ぬ เป็นกริยานุเคราะห์ไว้ลงท้ายประโยคให้เห็นถึงความหนักแน่น การสิ้นสุด จบสิ้น
ในที่นี้จึงมีความหมายตรงกับว่า 風が出てきたเน้นว่า"ลมได้พัดมาแล้วนะ "
ส่วนคำว่า いざ生きめやも
いざ:さあ、いよいよだประมาณว่า "เอาล่ะ"
แต่มันก็มีอารมณ์ที่ต่างกันไปนิดนึง ลองเปรียบกันดูนะคะ
「さあ、でかけよう」
「いざ、出発!」
「さあ、でかけよう」
「いざ、出発!」
ข้างล่างที่ใช้ いざ จะให้ความรู้สึกที่หนักแน่นมากกว่าว่ามั้ยคะ
(生き)め:意思の助動詞「む」の已然形
意思:生きていこうか
(生き)め คือการผันในรูปสมมติจากตัว む แสดงถึงการเจตนา ความตั้งใจ
意思:生きていこうか
(生き)め คือการผันในรูปสมมติจากตัว む แสดงถึงการเจตนา ความตั้งใจ
จึงแปลได้ว่า "ใช้ชีวิตต่อไปกันเถอะ"
แต่เนื่องจากมีคำต่อท้ายด้วย やも เราก็มาวิเคราะห์กันต่อ
(生きめ)やも: 反語の助詞
「~か、いや~ではない」
เป็นคำช่วยที่แสดงถึงการประชดประชัด
ประมาณว่า"จะ...อย่างนั้นหรือ,ไม่สิ ไม่ใช่......อย่างนั้นหรอก"
ถ้าจะให้แปลเป็นภาษาในปัจจุบัน ก็จะได้ว่า
生きるのかなあ。いや、生きないよなあ
"จะมีชีวิตอยู่ต่อไปดีหรือเปล่านะ ไม่สิ หรือว่าจะไม่อยู่ดีนะ"
ซึ่งค่อนข้างจะแฝงความหมายของการยอมแพ้และลังเลในการมีชีวิตอยู่
และค่อนข้างจะขัดกับบทความต้นฉบับภาษาฝรั่งเศส
ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่คนญี่ปุ่นที่เรียนและตีความบทกวีบทนี้ได้วิเคราะห์ทิ้งกันไว้ด้วยค่ะ
แต่ทั้งนี้ก็มีอีกกลุ่มวิเคราะห์กันว่าถ้ามองเนื้อหาจากต้นฉบับแล้ว
และเรื่องที่นางเอกเป็นโรคร้ายด้วยนั้น น่าจะมีความหมายในการสู้ขีวิตมากกว่า
風たちぬ、いざ生きめやも
จึงน่าจะแปลว่า
生きていこうか、生きていくまいか、いや生きていくぞ
จะมีชีวิตอยู่ต่อไป หรือจะไม่ดีนะ ไม่สิ ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
การตีความเป็นเรื่องที่ยากจะตัดสินค่ะ
แล้วแต่คนจะคิดกัน ต่างคนต่างมุมมอง
โดยเฉพาะในด้านภาษา เป็นเพราะวัฒนธรรมและความคิดที่ต่างกัน
อาจจะมีแง่มุมอะไรที่ผู้ส่งสารต้องการจะสื่อกับผู้รับสารก็ได้ค่ะ
ยังไงวันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะคะ
เดี๋ยวรอบหน้ามีอะไรมาให้วิเคราะห์กันต่อ
ก่อนไปให้ดูโปสเตอร์ด้านล่างนี้ก่อน คงคุ้นตากันดีนะคะ
การตีความเป็นเรื่องที่ยากจะตัดสินค่ะ
แล้วแต่คนจะคิดกัน ต่างคนต่างมุมมอง
โดยเฉพาะในด้านภาษา เป็นเพราะวัฒนธรรมและความคิดที่ต่างกัน
อาจจะมีแง่มุมอะไรที่ผู้ส่งสารต้องการจะสื่อกับผู้รับสารก็ได้ค่ะ
ยังไงวันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะคะ
เดี๋ยวรอบหน้ามีอะไรมาให้วิเคราะห์กันต่อ
ก่อนไปให้ดูโปสเตอร์ด้านล่างนี้ก่อน คงคุ้นตากันดีนะคะ
แต่ที่เห็นเขียนชัดๆ ตรงนี้
อยากลองทิ้งให้เป็นการบ้านค่ะ ว่าคือคำว่าอะไร
และต้องการสื่อถึงอะไร
เดี๋ยวรอบหน้ามาเฉลยให้ฟังนะคะ
ลึกซึ้งอีกแล้วค่ะ
แต่ได้ความรู้เยอะแน่นอนค่ะ
เจอกันใหม่นะค่ะ
อยากลองทิ้งให้เป็นการบ้านค่ะ ว่าคือคำว่าอะไร
และต้องการสื่อถึงอะไร
เดี๋ยวรอบหน้ามาเฉลยให้ฟังนะคะ
ลึกซึ้งอีกแล้วค่ะ
แต่ได้ความรู้เยอะแน่นอนค่ะ
เจอกันใหม่นะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลมีประโยชน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น